Health

  • หาวบ่อย มีวิธีแก้ไขได้ด้วยตัวเอง
    หาวบ่อย มีวิธีแก้ไขได้ด้วยตัวเอง

    หาวบ่อย มีวิธีแก้ไขได้ด้วยตัวเอง

    หาวบ่อย หรือการหาว เป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายมีการอ้าปากและสูดหายใจเข้าลึก ซึ่งอาจถูกกระตุ้นด้วยความเหนื่อย ความง่วง หรือเมื่อยล้า การต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นของร่างกาย การหาวอาจเกิดได้จากการพูดถึงหรือการเห็นผู้อื่นหาว มีแนวคิดว่าที่มนุษย์หาวตาม ๆ กัน (contagious yawn) อาจเป็นการสื่อสารทางสังคมของมนุษย์ชนิดหนึ่ง อาการหาวมากผิดปกติคือมีการหาวมากกว่าหนึ่งครั้งในหนึ่งนาที ซึ่งอาจเกิดจากความง่วง หรืออาจถูกกระตุ้นจากโรคหรือภาวะต่างๆ ก็เป็นได้

    สาเหตุและวิธีรักษาอาการหาวบ่อย

    • ความง่วง เหนื่อยล้าจากการนอนหลับไม่เพียงพอ

    การนอนหลับไม่เพียงพอนั้นสามารถเกิดได้จากระยะเวลาการนอนหลับที่สั้นเกินไป หรืออาจเกิดจากการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เช่น ความเครียด ความกังวล หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอในขณะที่นอนหลับ อาจเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงอื่น ๆ ได้ในอนาคต การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถส่งผลอื่น ๆ ต่อร่างกายได้ เช่น ไม่มีสมาธิ ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ช้า รู้สึกอยู่ไม่สุข เซื่องซึม ไม่ต้องการทำอะไร หรือเหนื่อยเพลีย ปวดเมื่อยร่างกาย หากสงสัยว่าตนมีภาวะนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทดสอบการนอนหลับ (sleep test)

    • ผลข้างเคียงจากยา เช่น กลุ่มยานอนหลับ ยาช่วยคลายกังวล ยาต้านซึมเศร้า ยาแก้ปวดบางชนิด
    • การหาวมากผิดปกติยังอาจเกิดจากโรคทางกายอื่นๆ ได้ เช่น
      • ภาวะเลือดออกบริเวณในหรือรอบๆ หัวใจ หรือโรคหัวใจ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ มักมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก ปวดร้าวไปแขนหรือคอ หายใจไม่อิ่ม คลื่นไส้ วิงเวียน หน้ามืด
      • มะเร็งหรือก้อนเนื้อในสมอง เกิดการกดเบียดทำให้เนื้อสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จึงต้องการการหาวเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย ผู้ป่วยอาจมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ชาหรืออ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ปัญหาด้านการมองเห็น ปัญหาด้านความจำ เป็นต้น
      • โรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เนื้อสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเช่นกัน จะมีอาการชา อ่อนแรง ใบหน้าเบี้ยว พูดไม่ชัด เดินเซ มีการมองเห็นผิดปกติ หรือวิงเวียนร่วมด้วย
      • โรคลมชัก เกิดการนำกระแสประสาทผิดปกติในหลายส่วนหรือทั้งหมดของสมอง ทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในบางครั้งกระแสประสาทผิดปกตินี้เกิดในสมองส่วนที่ควบคุมการหาว จึงทำให้เกิดการหาวที่ผิดปกติร่วมด้วยได้
      • โรคปลอกประสาทอักเสบ (multiple sclerosis) ทำให้เส้นประสาทในส่วนต่างๆ ของร่างกายเสียหาย ไม่สามารถควบคุมร่างกายบางส่วนได้ หรืออาจเกิดจากความเหนื่อยเพลียและควบคุมอุณหภูมิร่างกายไม่ได้ ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยปลอกประสาทอักเสบ โดยผู้ป่วยมักมีอาการเหนื่อยเพลียมากผิดปกติ ชาหรือรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มที่ลำตัว ใบหน้า แขน ขา การมองเห็นผิดปกติ วิงเวียน เดินหรือทรงตัวลำบาก เป็นต้น
      • ภาวะตับวาย มักพบในรายที่อาการรุนแรงเนื่องจากจะทำให้อ่อนเพลีย มีปัญหาในการนอนหลับ ผู้ป่วยอาจมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว สับสน รู้สึกง่วงมากในช่วงกลางวัน บวมตามลำตัวหรือแขน ขา
      • ภาวะร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าการหาวเป็นวิธีหนึ่งที่ร่างกายใช้เพื่อควบคุมอุณหภูมิ หากร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้ เช่น มีโรคประจำตัวบางชนิด การใช้ยาบางชนิด ในผู้สูงอายุ อาจเกิดการหาวผิดปกติเพื่อเป็นการช่วยในการควบคุมอุณหภูมิกายอีกวิธีหนึ่ง

    การสังเกตตนเองและปรึกษาแพทย์เฉพาะทางสามารถช่วยวินิจฉัยและรักษาภาวะทางกายต่างๆ เหล่านี้ได้

    วิธีแก้ไขอาการหาวบ่อยเบื้องต้นด้วยตนเอง

    • หายใจลึกๆ จะช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย สามารถลดการหาวได้ในผู้ที่การหาวเกิดจากร่างกายต้องการออกซิเจน หรือในกรณีหาวติดต่อกับผู้อื่น (contagious yawn)
    • เคลื่อนไหว ขยับร่างกาย การเคลื่อนไหวร่างกายสามารถกระตุ้นระบบประสาทและสมองได้ สามารถลดการหาวในผู้ที่การหาวเกิดจากความเหนื่อยล้า เบื่อ หรือความเครียดได้
    • เพิ่มความเย็นในร่างกาย เช่น การเดินไปยังบริเวณที่อากาศเย็นและถ่ายเท ดื่มน้ำเย็น หรือกินอาหารว่างเย็นๆ  เช่น ผลไม้แช่เย็น

    ควรพบและปรึกษาแพทย์เมื่อมีการหาวบ่อยมากกว่าปกติและมีอาการอื่นที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาการทางกายที่ผิดปกติอื่นๆ

    การรักษาอาการหาวบ่อย

    • การหาวที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือความเหนื่อยล้า สามารถใช้วิตามินเสริมช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ ในผู้ที่ขาดวิตามิน
    • การหาวผิดปกติที่เกิดจากปัญหาด้านการนอน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับอาจแนะนำแนวทางเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น เช่น การเข้านอนเป็นเวลาเดิมในทุก ๆ คืน การใช้อุปกรณ์ช่วยการหายใจขณะนอนหลับ การออกกำลังเพื่อลดความเครียด หรือการใช้ยาในรายที่จำเป็น เป็นต้น
    • การหาวผิดปกติที่เกิดจากยา แพทย์จะพิจารณาลดขนาดยาลงหรือหยุดยาที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยไม่ควรปรับหรือหยุดยาด้วยตนเอง
    • การหาวที่เกิดจากโรคทางกายอื่น ๆ เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะแนะนำการรักษาที่ตัวโรค ซึ่งจะทำให้อาการหาวผิดปกติดีขึ้นได้

    หาวบ่อย

    หาวบ่อย เป็นสัญญาณบอก 10 โรคนี้

    1. โรคนอนไม่หลับ

    อย่างที่บอกว่าอาการหาวจะเกิดขึ้นเพื่อปลุกให้เราสดชื่น ตื่นตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นข้อสันนิษฐานแรกอาจเดาว่าอาการหาวบ่อย ๆ เป็นเพราะอาการนอนไม่หลับก่อน แต่ทั้งนี้ก็ต้องสังเกตพฤติกรรมการนอนหลับของตัวเองร่วมด้วยนะคะ ว่าเรานอนไม่หลับจริงไหม เช่น มักจะสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ รู้สึกเพลีย และง่วงนอนตอนกลางวัน โดยไม่มีอาการป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย

     2. โรคลมหลับ (Narcolepsy) 

    โรคลมหลับเป็นโรคที่มีอาการง่วงนอนตลอดเวลา และผู้ป่วยมักจะมีภาวะหลับกลางอากาศแม้กระทั่งทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ โดยสาเหตุของโรคนี้แพทย์สันนิษฐานกันว่าอาจมีความผิดปกติที่สมองควบคุมการหลับและตื่น ซึ่งก่อนจะเดาว่าอาการหาวบ่อยของเราส่อถึงโรคนี้ ก็อยากให้เช็กอาการของโรคลมหลับก่อน เช่น นอนเท่าไรก็ไม่พอ รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา มีอาการง่วงนอนพร้อมกับภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง (แขน, ขา) ขณะกำลังจะตื่น หรือเห็นภาพลวงตาช่วงใกล้จะหลับ (ภาวะผีอำ)

    3. นอนกรน

    แม้ภาวะนี้จะไม่ใช่โรค แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทบกับสุขภาพการนอนหลับของร่างกายมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะคนที่นอนกรนมักจะไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือเรียกง่าย ๆ ว่านอนหลับไม่สนิทนั่นเอง ดังนั้นจึงมักจะรู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอนบ่อย ๆ จนต้องแสดงอาการหาวบ่อย ๆ ไปด้วย ทว่าอาการนอนกรนสามารถรักษาให้หายได้นะคะ ดังนั้นใครรู้ตัวว่านอนกรนจนบั่นทอนสุขภาพอยู่ตอนนี้ ก็รีบเข้ารับการรักษาอาการนอนกรนกันดีกว่า

    4. โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

    โรคอ่อนเพลียเรื้อรังเกิดจากความผิดปกติของกลไกในร่างกาย ซึ่งยังหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้ว่าโรคนี้เกิดจากอะไรกันแน่ ทว่าที่เราจะเห็นได้ชัดคืออาการของผู้ป่วยโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ที่จะมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนแรง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว อีกทั้งมักจะมีอาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืน ทำให้ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น และง่วงในช่วงกลางวันจนต้องหาวบ่อย ๆ ได้

    5. โรคอ้วน

    คนอ้วนมักจะมีความไม่คล่องตัวสูง การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำได้ช้ากว่าปกติ และโดยส่วนมากก็ไม่ค่อยจะอยากเคลื่อนไหวร่างกายกันสักเท่าไรด้วย ดังนั้นแน่นอนว่าความเบื่อ ความง่วง อาการเพลียมักจะเกิดขึ้นกับคนอ้วนได้มากว่าคนที่มีน้ำหนักตัวตามเกณฑ์มาตรฐาน นำมาซึ่งอาการหาวบ่อย ๆ ตามมาได้ ที่สำคัญภาวะน้ำหนักเกินยังเป็นสาเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายชนิด ทั้งโรคเบาหวาน ความดัน และโรคหัวใจด้วยนะคะ

    6. โรคลมชัก 

    โรคลมชัก เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์สมองบริเวณผิวสมอง โดยกระแสไฟฟ้าในสมองเกิดอาการลัดวงจร หรือทำงานผิดปกติไป ส่งผลให้มีความผิดปกติทางระบบประสาทจนผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งอาการหาวบ่อยก็เป็นหนึ่งในความผิดปกติของผู้ป่วยโรคลมชักเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ควรให้แพทย์ทำการวินิจฉัยว่าเราป่วยโรคลมชักหรือไม่อีกทีนะคะ เพราะจริง ๆ แล้วโรคลมชักมีความซับซ้อนของอาการแสดงอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงควรได้รับการตรวจโดยแพทย์อย่างละเอียดอีกที ซึ่งเราก็จะได้รู้วิธีดูแลรักษาตัวเองให้หายจากอาการป่วยด้วย

    7. เนื้องอกในสมอง

    อาการหาวบ่อยในบางกรณีเกิดจากความผิดปกติของสมองและระบบประสาท อย่างโรคเนื้องอกในสมองก็เช่นกันค่ะ โดยผลการวิจัยจากวารสาร Neurosurgery and Psychiatry พบว่า ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเนื้อเยื่อสมองมักจะมีอาการหาวบ่อย ดูเซื่องซึม ซึ่งเขาก็สันนิษฐานกันว่าอาจเกิดจากระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวถูกกดทับ ทำให้เลือดส่งออกซิเจนมาเลี้ยงสมองได้อย่างลำบาก จนร่างกายต้องรับออกซิเจนเพิ่มด้วยการหาวบ่อย ๆ นั่นเอง

    8. โรคปลอกประสาทอักเสบชนิด MS 

    โรคปลอกประสาทอักเสบชนิด MS (multiplesclerosis) เกิดจากเม็ดเลือดขาวในต่อมน้ำเหลืองถูกกระตุ้นจากสารบางชนิดให้เข้าไปทำลายปลอกประสาทในสมอง ซึ่งตัวปลอกประสาทของสมองนั้นมีหน้าที่ส่งต่อกระแสประสาทให้เกิดการเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อเกิดการอักเสบที่ปลอกประสาทแล้ว การนำกระแสประสาทในร่างกายก็จะทำงานได้ช้าลง ส่งผลให้เกิดเป็นอาการผิดปกติต่าง ๆ และหนึ่งในนั้นก็คืออาการหาวบ่อยจนผิดสังเกตนี่แหละค่ะ

    9. ตับวาย

    อาการหาวบ่อยจะพบในผู้ป่วยโรคตับวายในระยะที่อาการเริ่มรุนแรงแล้ว เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ จึงเกิดอาการหาวบ่อย ๆ ได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วอาการหาวบ่อยในผู้ป่วยตับวาย ก็ไม่ถือว่าอันตราย และยังอาจเป็นวิธีช่วยทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ด้วยนะคะ

    10. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

    อาการนี้อันตรายและต้องสังเกตให้ดีค่ะ เพราะหากมีอาการหาวบ่อยผิดปกติร่วมกับรู้สึกเจ็บหน้าอก หายใจได้สั้นลง ตัวซีด ตัวเขียว ให้รีบพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่สะดวกจนเกิดความผิดปกติและอาจอันตรายถึงชีวิตได้

    โดยนอกจากอาการหาวบ่อยจะบอกโรคดังกล่าวได้แล้ว ภาวะหาวบ่อยยังอาจเกิดจากประเด็นเหล่านี้

    • ภาวะเครียด สมองล้า อ่อนเพลีย

    สำหรับคนที่มักจะหาวบ่อยในช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ ใกล้เวลาเลิกงาน และยังคงมีอาการหาวต่อเนื่องไปจนถึงหัวค่ำ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอน อาการหาวบ่อยที่เป็นอยู่อาจแสดงถึงความเครียด ความอ่อนล้าของสมองจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่นั่งทำงานนาน ๆ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย การอยู่ในอิริยาบถเดิม ๆ แบบนี้จะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานไม่สะดวก สมองก็จะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายต้องเปิดปากหาวเพื่อรับออกซิเจนเพิ่มเติม

    • ผลข้างเคียงจากยา

    โดยเฉพาะยาในกลุ่มที่ใช้รักษาอาการทางจิตเวช เช่น ยาต้านเศร้า ยารักษาอาการวิตกกังวล อาจมีผลข้างเคียงให้ผู้ป่วยง่วงซึมท้งวัน และเกิดอาการหาวบ่อย ๆ ให้เห็นได้ หรือยากลุ่มรักษาอาการภูมิแพ้ (ยาแก้แพ้) บางชนิดก็ก่อให้เกิดอาการง่วงหนักมากได้เช่นกัน

    • หาวบ่อยเพราะอาหาร

    อาหารประเภทแป้งและน้ำตาลเป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายง่วงซึม ซึ่งในที่นี้หมายถึงการกินน้ำตาลและแป้งในปริมาณที่มากจนเกินไปนะคะ เนื่องจากเมื่อเรากินอาหารประเภทนี้เข้าไปมาก ตับอ่อนก็จะส่งอินซูลินออกมาเพื่อย่อยน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ก่อให้เกิดอาการง่วงงุนตามมา

    วิธีแก้อาการหาวบ่อย

    • ดื่มน้ำเปล่าเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้เลือดอีกทาง และการดื่มน้ำเปล่ายังจะปลุกความสดชื่นให้ร่างกายด้วย
    • เคลื่อนไหวร่างกายให้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะตอนที่หาว ให้ลุกไปเดินเล่น เปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเองสักหน่อย
    • สูดหายใจเข้าลึก ๆ บางทีความเผอเรออาจทำให้เราหายใจไม่เต็มปอดได้ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ดังนั้นสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าไว้ค่ะ
    • ออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี ไม่แออัดไปด้วยผู้คน ยิ่งหากเป็นพื้นที่ที่มีสีเขียวจากต้นไม้ สีฟ้าจากท้องฟ้า และแสงแดดอ่อน ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวและช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
    • กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ และพยายามเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล ที่อาจทำให้ง่วงได้หากกินมากเกินไป
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยพยายามนอนอย่างน้อย 6-7 ชั่วโมงต่อวัน
              อย่างไรก็ดีไม่อยากให้ทุกคนตื่นตูมว่าอาการหาวบ่อยที่เป็นอยู่อาจเพราะป่วยสักโรคใน 10 โรคที่กล่าวมา เพราะอย่างที่บอกว่า นอกจากหาวบ่อยแล้วยังต้องสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย หรือถ้าจะให้ชัวร์ที่สุดคือต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์โดยละเอียด ดังนั้นหากสงสัยอาการหาวบ่อยของตัวเองก็ควรปรึกษาแพทย์

    ที่มา

     

    ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  h-supplement.com

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • กลุ่ม BRICS จับมือ 5 ประเทศ สร้างสกุลเงินใหม่ต่อสู้ดอลลาร์
    กลุ่ม BRICS จับมือ 5 ประเทศ สร้างสกุลเงินใหม่ต่อสู้ดอลลาร์

    นับเป็นเวลานานหลายทศวรรษที่ระบบการเงินโลกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสกุลเงินดอลลาร์ จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจีนก้าวขึ้นมาท้าทายขั้วอำนาจเดิมอย่างสหรัฐฯ พร้อมประเทศพันธมิตร กลุ่ม BRICS ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะสร้างสกุลเงินใหม่เพื่อออกจากร่มเงาดอลลาร์ จนเมื่อต้นเดือน ก.ค. รัสเซียยืนยันว่ากลุ่มBRICS จะสร้างสกุลเงินใหม่ และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน ส.ค. นี้

    กลุ่ม BRICS คืออะไร

    กลุ่มBRICS คือ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศ Emerging Market ก่อตั้งเมื่อปี 2009 ประกอบด้วย 5 ประเทศ คือ บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ ปัจจุบันประชากรในกลุ่มBRICS มีประชากรคิดเป็น 40% ของประชากรโลก และมีขนาดเศรษฐกิจเกือบ 1 ใน 4 ของขนาดเศรษฐกิจโลก

    BRICSไม่ใช่กลุ่มการค้าเสรี แต่เป็นกลุ่มที่จะประสานงานเรื่องการค้าและมีการจัดตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (NDB) ซึ่งสมาชิกทั้ง 5 ประเทศ ถือหุ้น NDB เท่ากัน จุดประสงค์เพื่อประสานงานสินเชื่อโครงสร้างพื้นฐาน ในเวลาเดียวกันก็มีการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) โดยจีน ทั้งเพื่อประสานสินเชื่อโครงสร้างพื้นฐานและจัดหาเงินทุนทางเลือก

    เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2023 นายเซร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย เผยว่ามี 12 ประเทศ จ่อร่วมกลุ่ม BRICS เช่น ตุรกี เม็กซิโก อินโดนิเซีย เป็นต้น

    เงินสกุลใหม่ที่ BRICSสร้างขึ้นเป็นยังไง

    ล่าสุดรัฐบาลรัสเซียยืนยันว่าทั้ง บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ จะเปิดตัวสกุลเงินใหม่เพื่อเพิ่มการค้าขายภายในกลุ่มBRICS ซึ่งใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์หนุนหลัง คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในการประชุมBRICS summit เดือน ส.ค. 2023 ที่แอฟริกาใต้

    ทำไม BRICSต้องสร้างเงินสกุลใหม่

    สมาชิกกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความขัดแย้งกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะจีนที่เป็นคู่แข่งหลัก และรัสเซียซึ่งถูกคว่ำบาตรทางการเงินตั้งแต่เกิดสงครามกับยูเครน ส่วนประเทศอื่นที่เหลือก็เป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก ดังนั้นเงินสกุลใหม่นี้ถูกสร้างเพื่อลดการถูกครอบงำเศรษฐกิจและการค้าจากดอลลาร์และยูโร เช่น เมื่อใดที่ดอลลาร์แข็ง ก็ส่งผลเสียต่อรายได้ที่ได้จากการส่งออกทุกครั้ง

    ซึ่งการจะสร้างความเชื่อมั่นเหนือดอลลาร์ที่ครองโลกมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องใช้ทองเป็นสินทรัพย์หนุนหลัง นักวิเคราะห์มองว่า อาจสอดคล้องกับก่อนหน้านี้ที่จีนซื้อทองคำเพิ่มมาโดยตลอด

    BRICS 1

    ผลดีต่อกลุ่ม BRICS

    เงินสกุลใหม่นี้จะสร้างประสิทธิภาพในการค้าขายระหว่างกันของกลุ่มประเทศBRICS และเพิ่มการประสานงานทางการเงินระหว่างกัน โดยผลดีสรุปได้ดังนี้

    เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มอำนาจต่อรอง

    ลดอิทธิพลต่อการค้าระหว่างประเทศกลุ่มBRICS จากเงินดอลลาร์

    เพิ่มอิทธิพลกลุ่มBRICS ในระดับโลก โดยการชักชวนประเทศอื่นมาใช้เงินสกุลใหม่นี้

    จะเห็นว่าประโยชน์ในช่วงแรกของเงินสกุลใหม่นี้ คือ สร้างความมั่นคงทางการเงินภายในกลุ่มBRICS จากนั้นเมื่อพิสูจน์ความเชื่อมั่นได้แล้วก็จะช่วยเพิ่มอิทธิพลของกลุ่มBRICS ในเวทีโลก ซึ่งปลายทางก็คือ การลดบทบาทและแทนที่เงินสกุลดอลลาร์

    ผลกระทบต่อระบบเงินดอลลาร์

    ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เป็นยุคดอลลาร์ครองโลก ปัจจุบันเงินดอลลาร์ถูกใช้ในการค้าระหว่างประเทศราว 74% มีสัดส่วนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราถึง 90% และถูกใช้ซื้อขายน้ำมันดิบเกือบ 100% จนถูกเรียกว่า ปิโตรดอลลาร์ นอกจากนี้กว่า 60% ของเงินสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกยังเป็นในสกุลเงินดอลลาร์

    ต้องยอมรับว่า คงแทบไม่มีผลกระทบระยะสั้นต่อเงินดอลลาร์ ส่วนระยะยาวยังคงไม่ชัดเจนเช่นกัน แต่นักวิเคราะห์มองว่า เงินสกุลใหม่ของBRICS มีความน่าสนใจ เพราะใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์หนุนหลังเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

    นอกจากนี้สังเกตุว่าสหรัฐฯ เดินกลยุทธ์ใช้เงินดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินระหว่างประเทศด้วยการเป็นสกุลเงินหลักในการซื้อขายน้ำมันดิบ ดังนั้นหากกลุ่มBRICS สามารถดึงประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก เช่น ซาอุฯ มาใช้สกุลเงินใหม่นี้ซื้อขายน้ำมันดิบก็จะเป็นการเดินเกมส์ที่สร้างผลกระทบต่อเงินดอลลาร์ได้ ที่ผ่านมาก็จะเห็นจีนเข้าไปมีบทบาทและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศแถบตะวันออกกลางมากขึ้น


    ติดตามข่าวอื่นๆได้ที่ https://www.h-supplement.com/
    สนับสนุนโดย  ufabet369
    ที่มา www.moneybuffalo.in.th